10 อันดับพฤติกรรม ที่เสี่ยงทำให้เกิดปัญหาด้านสายตา (ฉบับเข้าใจง่าย สำหรับผู้สูงอายุ)

มารู้จักพฤติกรรมที่เสี่ยงทำให้เกิดปัญหาด้านสายตากันดีกว่า

สวัสดีครับทุกท่าน วันนี้เราจะมาพูดคุยกันถึงเรื่องของ สุขภาพตาผู้สูงอายุ โดยเฉพาะเรื่อง “10 อันดับพฤติกรรมเสี่ยงต่อสายตา” ที่อาจทำให้เกิด อาการตาพร่ามัว หรือปัญหาอื่นๆ ที่ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันของเราได้นะครับ เพราะสายตาของเราก็เหมือนกล้องฟิล์มที่เมื่อใช้งานไปนานๆ ก็อาจจะเสื่อมสภาพลงได้ การดูแลรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ จึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อ ป้องกันตาเสื่อม ในวัยสูงอายุครับ

คำแนะนำ: บทความนี้เขียนขึ้นเพื่อให้เข้าใจง่าย เหมาะสำหรับผู้สูงอายุที่มีปัญหาด้านสายตา หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม ควรปรึกษาจักษุแพทย์เพื่อรับคำแนะนำเฉพาะบุคคลนะครับ

1. จ้องจอเป็นเวลานาน (โทรศัพท์, ทีวี, คอมพิวเตอร์)

กลไกการทำลาย: การจ้องจอเป็นเวลานานโดยไม่พักสายตา จะทำให้กล้ามเนื้อตาทำงานหนัก เกิดอาการตาล้า ตาแห้ง และอาจทำให้สายตาสั้นลงได้ในระยะยาว

ข้อควรระวัง: แสงสีฟ้า (Blue Light) จากหน้าจออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ อาจส่งผลเสียต่อจอประสาทตา (Retina) โดยเฉพาะในผู้สูงอายุที่มีความเสี่ยงอยู่แล้ว

วิธีป้องกัน:

  • พักสายตา: กฎ 20-20-20 ทุกๆ 20 นาที ให้พักสายตาโดยมองไปที่วัตถุที่อยู่ห่างออกไป 20 ฟุต (ประมาณ 6 เมตร) เป็นเวลา 20 วินาที
  • ปรับความสว่างหน้าจอ: ปรับความสว่างให้พอดีกับสภาพแวดล้อม ไม่สว่างจ้าจนเกินไป
  • ใช้ฟิลเตอร์กรองแสงสีฟ้า: ปัจจุบันมีแอปพลิเคชันและแว่นตาที่ช่วยกรองแสงสีฟ้าได้
  • กระพริบตาบ่อยๆ: ช่วยลดอาการตาแห้ง

แหล่งอ้างอิง: American Academy of Ophthalmology (AAO) https://www.aao.org/

2. ขยี้ตาบ่อยๆ

กลไกการทำลาย: การขยี้ตาแรงๆ อาจทำให้กระจกตา (Cornea) เป็นรอย หรือเกิดการเปลี่ยนแปลงของรูปทรงกระจกตา ส่งผลต่อการมองเห็น

ข้อควรระวัง: หากมีสิ่งแปลกปลอมเข้าตา การขยี้ตาอาจทำให้เกิดการบาดเจ็บต่อดวงตาได้

วิธีป้องกัน:

  • หลีกเลี่ยงการขยี้ตา: หากรู้สึกเคืองตา ให้ใช้น้ำสะอาดล้างตา หรือใช้น้ำตาเทียม
  • หากมีสิ่งแปลกปลอมเข้าตา: อย่าขยี้ตา ให้ล้างตาด้วยน้ำสะอาด หากอาการไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาแพทย์

แหล่งอ้างอิง: โรงพยาบาลศิริราช https://www.si.mahidol.ac.th/

3. สวมใส่คอนแทคเลนส์ไม่สะอาด

กลไกการทำลาย: คอนแทคเลนส์ที่ไม่สะอาด เป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค ทำให้เกิดการติดเชื้อที่กระจกตา (Keratitis) ซึ่งอาจรุนแรงถึงขั้นสูญเสียการมองเห็นได้

ข้อควรระวัง: การใช้น้ำประปาหรือน้ำลายในการทำความสะอาดคอนแทคเลนส์ เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง

วิธีป้องกัน:

  • ล้างมือให้สะอาด: ก่อนสัมผัสคอนแทคเลนส์ทุกครั้ง
  • ใช้น้ำยาล้างคอนแทคเลนส์ที่ได้มาตรฐาน: และทำตามคำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกรอย่างเคร่งครัด
  • เปลี่ยนคอนแทคเลนส์ตามกำหนด: ไม่ควรใช้คอนแทคเลนส์เกินวันหมดอายุ
  • หลีกเลี่ยงการใส่คอนแทคเลนส์เวลานอน: ยกเว้นคอนแทคเลนส์ชนิดที่แพทย์อนุญาต

แหล่งอ้างอิง: Centers for Disease Control and Prevention (CDC) https://www.cdc.gov/

4. สูบบุหรี่

กลไกการทำลาย: สารพิษในบุหรี่ทำลายหลอดเลือดที่เลี้ยงจอประสาทตา (Retina) เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคจอประสาทตาเสื่อม (Age-Related Macular Degeneration: AMD) และต้อกระจก (Cataract)

ข้อควรระวัง: การสูบบุหรี่มือสอง ก็เป็นอันตรายต่อสายตาเช่นกัน

วิธีป้องกัน:

  • เลิกบุหรี่: เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการปกป้องสายตา
  • หลีกเลี่ยงควันบุหรี่: พยายามอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ปลอดบุหรี่

แหล่งอ้างอิง: National Eye Institute (NEI) https://www.nei.nih.gov/

5. ละเลยการปกป้องดวงตาจากแสงแดด

กลไกการทำลาย: รังสีอัลตราไวโอเลต (UV) จากแสงแดด เป็นอันตรายต่อเลนส์ตา (Lens) และจอประสาทตา (Retina) เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดต้อกระจก (Cataract) และโรคจอประสาทตาเสื่อม (AMD)

ข้อควรระวัง: แสงแดดที่สะท้อนจากพื้นผิวต่างๆ เช่น น้ำทะเล หรือหิมะ จะมีความเข้มข้นสูงเป็นพิเศษ

วิธีป้องกัน:

  • สวมแว่นกันแดด: ที่มีคุณสมบัติป้องกันรังสี UV 100%
  • สวมหมวกปีกกว้าง: เพื่อป้องกันแสงแดดส่องเข้าตาโดยตรง
  • หลีกเลี่ยงแสงแดดจ้า: ในช่วงเวลา 10:00 – 16:00 น.

แหล่งอ้างอิง: World Health Organization (WHO) https://www.who.int/

6. รับประทานอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ

กลไกการทำลาย: การขาดสารอาหารที่จำเป็นต่อดวงตา เช่น วิตามินเอ วิตามินซี วิตามินอี สังกะสี และลูทีน อาจทำให้เกิดปัญหาต่างๆ เกี่ยวกับสายตาได้

ข้อควรระวัง: การรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคจอประสาทตาเสื่อม (AMD)

วิธีป้องกัน:

  • รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่: เน้นผักใบเขียว ผลไม้หลากสี และปลาที่มีไขมันดี
  • เสริมด้วยวิตามินและแร่ธาตุ: หากจำเป็น ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนรับประทาน

แหล่งอ้างอิง: American Optometric Association (AOA) https://www.aoa.org/

7. ดื่มน้ำน้อยเกินไป

กลไกการทำลาย: การขาดน้ำ ทำให้ร่างกายผลิตน้ำตาน้อยลง ส่งผลให้เกิดอาการตาแห้ง แสบตา และมองเห็นไม่ชัด

ข้อควรระวัง: ผู้สูงอายุมักมีความรู้สึกกระหายน้ำลดลง ทำให้ดื่มน้ำน้อยกว่าที่ร่างกายต้องการ

วิธีป้องกัน:

  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ: อย่างน้อย 8 แก้วต่อวัน หรือตามที่แพทย์แนะนำ
  • หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน: เช่น ชา กาแฟ เพราะมีฤทธิ์ขับปัสสาวะ ทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำมากขึ้น

แหล่งอ้างอิง: Mayo Clinic https://www.mayoclinic.org/

8. ใช้ยาบางชนิด

กลไกการทำลาย: ยาบางชนิดอาจมีผลข้างเคียงต่อดวงตา เช่น ทำให้ตาแห้ง มองเห็นภาพไม่ชัด หรือเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดต้อหิน (Glaucoma)

ข้อควรระวัง: ควรแจ้งให้แพทย์ทราบถึงยาที่กำลังใช้อยู่ เพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น

วิธีป้องกัน:

  • ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร: เกี่ยวกับผลข้างเคียงของยาที่กำลังใช้อยู่
  • ไม่ควรซื้อยามาใช้เอง: โดยไม่ปรึกษาแพทย์

แหล่งอ้างอิง: โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ https://www.chula.ac.th/

9. ละเลยการตรวจสุขภาพตาประจำปี

กลไกการทำลาย: การไม่ตรวจสุขภาพตา ทำให้ไม่ทราบถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นในระยะเริ่มต้น ทำให้การรักษาเป็นไปได้ยากขึ้น

ข้อควรระวัง: ผู้สูงอายุควรตรวจสุขภาพตาอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง

วิธีป้องกัน:

  • เข้ารับการตรวจสุขภาพตา: กับจักษุแพทย์เป็นประจำทุกปี

แหล่งอ้างอิง: ราชวิทยาลัยจักษุแพทย์แห่งประเทศไทย https://www.rcopt.org/

10. สภาพแวดล้อมที่มีฝุ่นควัน มลภาวะ

กลไกการทำลาย: ฝุ่น ควัน และมลภาวะต่างๆ เป็นสิ่งระคายเคืองต่อดวงตา ทำให้เกิดอาการแสบตา ตาแดง และอาจทำให้เกิดการอักเสบได้

ข้อควรระวัง: ผู้ที่มีอาการภูมิแพ้ มักมีความไวต่อสารก่อภูมิแพ้ในอากาศ ทำให้เกิดอาการทางตาได้ง่ายขึ้น

วิธีป้องกัน:

  • หลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีฝุ่นควันและมลภาวะ: หากจำเป็นต้องอยู่ในสถานที่ดังกล่าว ควรใส่แว่นตาป้องกัน
  • ล้างตาด้วยน้ำสะอาด: หากรู้สึกเคืองตา
  • ใช้เครื่องฟอกอากาศ: ในบ้านหรือที่ทำงาน

แหล่งอ้างอิง: กรมควบคุมมลพิษ https://www.pcd.go.th/

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

  1. การดูโทรศัพท์มือถือ 30 นาทีมีผลต่อสุขภาพดวงตาหรือไม่?
    • การดูโทรศัพท์มือถือ 30 นาที อาจทำให้เกิดอาการตาล้าได้ แต่หากพักสายตาเป็นระยะ ก็จะไม่ส่งผลเสียในระยะยาว
  2. แว่นกันแดดจำเป็นสำหรับผู้สูงอายุหรือไม่?
    • จำเป็นอย่างยิ่ง เพราะผู้สูงอายุมีความเสี่ยงต่อการเกิดต้อกระจก และโรคจอประสาทตาเสื่อม ซึ่งแสงแดดเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญ
  3. อาหารเสริมบำรุงสายตา จำเป็นต้องรับประทานหรือไม่?
    • หากรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อสายตาอย่างเพียงพอ ก็ไม่จำเป็นต้องรับประทานอาหารเสริม แต่หากมีความเสี่ยง หรือมีโรคประจำตัว ควรปรึกษาแพทย์ก่อน
  4. อาการตาแห้ง ควรใช้น้ำตาเทียมบ่อยแค่ไหน?
    • สามารถใช้น้ำตาเทียมได้บ่อยเท่าที่ต้องการ แต่หากอาการไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาแพทย์
  5. การอ่านหนังสือในที่แสงสว่างน้อย มีผลเสียต่อสายตาหรือไม่?
    • การอ่านหนังสือในที่แสงสว่างน้อย อาจทำให้เกิดอาการตาล้า แต่ไม่มีผลเสียต่อสายตาในระยะยาว ที่สำคัญคือปรับแสงให้เพียงพอต่อการอ่าน

หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์แก่ทุกท่านนะครับ การ ดูแลสายตาผู้สูงอายุ เป็นเรื่องที่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษ เพื่อให้เราสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขและมีคุณภาพชีวิตที่ดี หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม ควรปรึกษาจักษุแพทย์นะครับ